ภูพระบาท จ.อุดรธานี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางธรรมชาติประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของไทย ซึ่งสถานที่แห่งนี้ได้รับการจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก โดยจังหวัดอุดรนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดในภาคอีสานตอนบนที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย รวมถึงอุทยานทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ โดยวันนี้ เว็บหวยสดเราจะพาทุกคนมาทำควาามรู้จักกับสถานที่แห่งนี้ พร้อมพาเปิดจุดไฮไลท์ที่น่าสนใจที่ห้ามพลาด
เปิดประวัติ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
อุทยานประวัติศาสตร์ ภูพระบาท หรือ อุทยานแห่งชาติ ภู พระบาท ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 3,430 ไร่ อยู่ในเขตของหมู่บ้านติ้ว ตำบลเมืองพาน และถือได้ว่าเป็นอุทยานที่แสดงถึงอารยธรรมของมนุษย์ รวมทั้งบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศ ที่มีโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นหินทรายที่ถูกขัดเกลาจากขบวนการกัดกร่อนทางธรรมชาติ ซึ่งทำให้เกิดเป็นโขดหินน้อยใหญ่รูปร่างต่าง ๆ โดยได้มีการประกาศขึ้นทะเบียนเขตโบราณสถานไว้ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 98 ตอนที่ 63 เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2524 และได้พัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็นอุทยานแห่งชาติ หรือ อุทยานประวัติศาสตร์ในปัจจุบัน ซึ่งภายในอุทยานฯ
โดยที่มาของชื่ออุทยานแห่งนี้ มีที่มาจากรอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐานอยู่บนเทือกเขานี้ และภายในเขต อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ยังมีเสาหินและเพิงหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไป เพิงหินเหล่านี้เป็นหินทราย มีอายุกว่า 130 ล้านปี อยู่ในสมัยครีเทเชียส ที่ถูกกระบวนการทางธรรมชาติกัดเซาะ ทั้งจากน้ำและลม มาหลายล้านปี เลยทำให้กลายเป็นเสาหินและเพิงหินรูปร่างสวยงามแปลกตาในปัจจุบน
จุดไฮไลท์ที่น่าสนใจของอุทยาน
หอนางอุสา ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของอุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งจะมีลักษณะเป็นเพิงหินธรรมชาติขนาดใหญ่ที่เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ มีความสูง 10 เมตร รูปร่างคล้ายดอกเห็ด ตั้งอยู่กลางลานหินโล่งกว้างทำให้ดูโดดเด่นจุดอื่นๆ โดยมีการสันนิษฐานได้ว่า หอนางอุสามีอายุเก่าแก่ถึงสมัยทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่ 12 – 16 โดยถูกดัดแปลงเพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางพุทธศาสนา
ถ้ำพระ มีลักษณะเป็นเพิงหินเตี้ยๆรูปร่างแคบยาว ซึ่งใช้เป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธ หลักฐาน คือ ที่ผนังใต้เพิงหินมีการสลักเป็นรูปพระพุทธรูปอยู่รอบด้าน และมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางสมาธิประทับนั่งอยู่ในซุ้มหน้าบัน และพระพุทธรูปปางต่างๆเรียงรายอยู่ทั่วทั้งผนังเพิง โดยมีการสันนิษฐานว่าศาสนสถานแห่งนี้น่าจะมีอายุช่วงสมัยปลายทวารวดี – สมัยลพบุรี ซึ่งเป็นช่วงที่ศิลปะเขมรเริ่มเจริญรุ่งเรืองขึ้น และได้มีการเข้ามาเผยแพร่ศาสนาในไทย
กู่นางอุสา (กี่นางอุสา) มีขนาดกว้างประมาณ 3 เมตร ยาว 3 เมตร สูง 4 เมตร โดยมีหลักฐานทางโบราณคดีที่ปรากฏได้แก่ ภาพเขียนสีบนผนังด้านตะวันตก และหลุมสกัดพื้นที่ใต้เพิง ซึ่งน่าจะใช้ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และต่อมา ใบเสมาหินที่ปักอยู่ทั้ง 8 ทิศ และพบหลุมเสากลมเรียงเป็นกรอบสี่เหลี่ยมล้อมรอบแนวใบเสมาอีกชั้นหนึ่ง
โนนสาวเอ้ มีลักษณะเป็นเพิงหินทรายขนาดใหญ่ ขนาดกว้างประมาณ 10 เมตร ยาว 10 เมตร สูง 5 เมตร ซึ่งมีชื่อว่า โนนสาวเอ้ โดยมีที่มาจากความเชื่อที่เล่าขานกันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ๆผู้หญิงใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ซึ่งจะมีการพบหลักฐานอยู่ 2 สิ่งคือ ภาพเขียนสี ซึ่งพบภาพเขียนสีอยู่สองสมัย
พิกัดการเดินทางอุทยานแห่งชาติ
สำหรับการเดินทางท่านสามารเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนต้ว ขับออกจากตัวจังหวัดอุดรธานี 67 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 2 (อุดรธานี-หนองคาย) กิโลเมตรที่ 13 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2021 ไปทางอำเภอบ้านผือ ระยะทาง 42 กิโลเมตร เลี้ยวขวาประมาณ 500 เมตร และตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 2348 อีกประมาณ 12 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะถึงยังอุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้
ภู พระบาท เรียกได้ว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความสำคัญและยังเป็นแห่งท่องเที่ยวเมืองอุดรธานี ที่เมื่อมาถึงแล้วจะพลาดไม่ได้ที่จะแวะมาเที่ยวชมโบราณสถานที่อยู่ภายใน ซึ่งภายในอุทยานฯ จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวให้บริการข้อมูลตลอดจนแผนที่ และเปิดให้เข้าชมเวลา 08.00-16.30 น. อัตราค่าเข้าชม คนไทยราคา 10 บาท และคนต่างชาติ ราคา 30 บาท สำหรับวันนี้เราต้องขอตัวลาไปก่อน ครั้งหน้าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหนกันอีกนั้นติดตามได้ใหม่ในบทความหน้า สนใจสมัครสมาชิก เว็บหวยสด
